10 แนวคิด เลี้ยงลูกยุคใหม่

5/5 - (2 votes)

คุณพ่อคุณแม่คงเห็นแล้วว่าช่วงเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่สิบปีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และการเข้าสู่ยุค AEC ที่มีการหลั่งไหลเข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติ มากมาย ดังนั้นเห็นด้วยไหมกับ 10 ข้อปฏิวัติแนวคิดใหม่ เพื่อการเลี้ยงลูกให้ทันยุคสมัย

         1 การเรียน…ไม่ใช่แค่ในตำรา

เพราะ..การเรียนการศึกษาของเด็กยุคใหม่ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในตำรา แบบเรียน หนังสือเสริมทักษะ หรือนั่งฟังคุณครูพูดสอนอยู่หน้าชั้นอย่างเดียว โดยที่เด็กไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่การเรียนอยู่ในสื่อเทคโนโลยีอย่างในอินเตอร์เน็ตที่เด็กๆ สามารถท่องโลกออนไลน์ เพื่อเสิร์ชหาแหล่งความรู้จาก Google กันได้ด้วยตัวเอง  

ปฏิวัติใหม่ สอนให้ลูกรู้จักใช้อินเตอร์เน็ต ค้นข้อมูล แต่ก็ควรอธิบายให้ลูกรู้ถึงพิษภัยที่แอบแฝงมาด้วย ทั้งการล่อลวงสารพัดรูปแบบที่เกิดจากการติดต่อนัดพบ หรืออื่นๆ แนะนำเว็บไซต์การเรียนรู้ภาษา สวนสัตว์ โลกดาราศาสตร์ หรือเว็บไซต์ที่มีความรู้สำหรับเด็ก บล็อกเว็บไซต์สื่อลามกอนาจาร หรือที่ไม่เหมาะสมได้ด้วยยิ่งดีค่ะ 

2 การเล่น…ไม่ใช่แค่ของเล่น

เพราะ..ของเล่นที่ดีสำหรับลูก คือ พ่อแม่ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปมากสักเพียงใดก็ตาม เด็กทุกคนก็ยังต้องการพ่อแม่ อยากเล่นกับพ่อแม่ ดังนั้นอย่ามองข้ามการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน ซึ่งช่วยพัฒนาสมองได้ดีกว่าการให้ลูกเล่นเกมออนไลน์สารพัดที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ไม่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ของสมองแต่อย่างใด

ปฏิวัติใหม่ ควบคุมการใช้สื่อเทคโนโลยีในบ้านบ้าง ปิดทีวี อินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน เกมคอมพิวเตอร์แล้วหันมาเล่นกับลูก โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ใช้เพียงตัวพ่อแม่ ถ้าลูกยังเล็กเล่นปิดตาจ๊ะเอ๋ เล่นตบเผละ จ้ำจี้มะเขือเปาะ เล่นทำมือเป็นขาปูไต่ตัวลูก ถ้าลูกโตขึ้นเล่นกระโดดข้ามหมอน วิ่งกระต่ายขาเดียว ลิงชิงบอล เป็นต้น 

3 โภชนาการ…ไม่ใช่แค่ตามกระแส

เพราะ..อาหารและโภชนาการเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้ร่างกายและสมองของลูกตั้งแต่วัยเบบี๋มีพัฒนาการและการเจริญเติบโตได้เต็มที่ มีน้ำหนักส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ โดยเฉพาะนมแม่และอาหารที่ครบคุณค่า 5 หมู่ โดยให้ในสัดส่วนที่เหมาะสมเมื่อถึงวัยที่ลูกได้รับอาหารเสริม เพื่อช่วยฝึกทักษะการกินและสร้างนิสัยการกินที่ดี   

ปฏิวัติใหม่ อย่าให้ลูกกินตามกระแสสื่อโฆษณา โดยเฉพาะอาหารไร้ประโยชน์ ขนมกรุบกรอบ อาหารขยะที่มีแต่แป้ง น้ำตาล เกลือ ที่สำคัญเมื่อลูกถึงวัยเข้าเรียน อย่าปล่อยให้ลูกอดมื้อเช้าตามพ่อแม่ที่เร่งรีบไปทำงาน จนส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ของสมอง ควรให้ลูกดื่มนม กินขนมปังหรืออาหารที่จัดเตรียมง่ายๆ แต่ดีกับสมอง  

4 การสื่อสารภาษา…ไม่ใช่แค่พูดไทย

เพราะ…ผู้คนยุคนี้มีการติดต่อไปมาหาสู่ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีการเจรจาเศรษฐกิจการค้าเพิ่มขึ้น  ยิ่งบ้านเราเข้าสู่ยุค AEC อย่างเป็นทางการในปี 2558 นี้ที่ต้องติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมให้ลูกรู้ภาษามากกว่าหนึ่ง จึงย่อมได้เปรียบในทุกด้าน โดยเฉพาะการประกอบอาชีพการงานในอนาคต เห็นด้วยไหมคะ

ปฏิวัติใหม่ ความคิดเดิมที่ว่าเราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาใด ลองเปลี่ยนใหม่เป็นถ้าลูกพูดอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส จีน หรือแม้แต่พม่า กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนามได้ ลูกจะได้รับโอกาสที่ดี ได้รับการยอมรับ ได้รับการต้อนรับสักเพียงใด รู้อย่างนี้แล้วลองสนับสนุนให้ลูกเรียนภาษาอื่นเพิ่มเติมสิคะ

5 แบบอย่างพ่อแม่…ไม่ใช่แค่วางอำนาจ 

เพราะ…การเปิดโลกทางความคิดที่สร้างสรรค์ก้าวหน้า คือ การเป็นพ่อแม่ที่รับฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกพูดคุยแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น การยอมรับในตัวลูก การพูดคุยตอบโต้กับลูก การกระตุ้นให้ลูกได้คิด ได้สนใจและไต่ถามถึงความเป็นไปในสิ่งรอบตัว เหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดการเรียนรู้ การพัฒนาของสมองได้ทั้งสิ้น

ปฏิวัติใหม่ ไม่ว่าลูกจะทำสิ่งใดถูกหรือผิด อย่าใช้คำพูดว่าพ่อแม่อาบน้ำร้อนมาก่อนในการบังคับลูกทุกเรื่อง เพื่อให้ลูกต้องเชื่อฟัง แต่ควรอธิบายว่าสิ่งไหนถูกผิด สิ่งไหนควรทำ ไม่ควรทำ โดยทำเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกได้ซึมซับรับเป็นแบบอย่างในทุกเรื่องทั้งพฤติกรรมการกระทำ ทัศนคติ ความคิดความอ่าน บุคลิก ลักษณะนิสัย 

6 สร้างจิตสาธารณะ…ไม่ใช่แค่คำพูด

เพราะ…ยุคนี้ไม่ควรเน้นเลี้ยงลูกให้เรียนเก่ง ฉลาดเอาตัวรอด จนทำให้เป็นคนเห็นแก่ตัว กลายเป็นต่างคนต่างอยู่ ไม่สนใจคนรอบข้าง นำมาซึ่งสังคมอ่อนแอ ไม่เกิดการพัฒนา แต่จะเกิดอาชญากรรมแทน ดังนั้นการสร้างจิตสาธารณะให้ลูกมีจิตอาสา เป็นคนดี มีน้ำใจ สนใจช่วยเหลือสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนนับว่าจำเป็นยิ่ง 

ปฏิวัติใหม่ ช่วงแรกเกิดจนถึงก่อน 10 ขวบเป็นช่วงไม้อ่อนดัดง่าย เด็กจะมีความไวต่อการรับการปลูกฝัง จึงสามารถส่งเสริมจริยธรรมจากการเป็นแบบอย่างให้ลูกเห็นได้ดี เช่น ชวนลูกไปร่วมกวาดถนนกับคนในหมู่บ้าน แพ็คของบริจาคผู้ประสบภัยน้ำท่วม หรือถ้าใครขอแรงไปช่วยทำอะไร ก็ชวนกันไปช่วยด้วยความเต็มใจนะคะ    

7 การออกกำลังกาย…ไม่ใช่แค่ในฟิตเนส

เพราะ..ยุคนี้มีเทคโนโลยีที่ทำให้เด็กสบาย แทบไม่มีทำกิจวัตรประจำวันที่ต้องออกแรง เด็กมักนั่งจมอยู่กับหน้าจอ พูดคุยโทรศัพท์ หรือใช้คอมพิวเตอร์มากกว่าออกไปวิ่งเล่น หรือทำกิจกรรม ทำให้เห็นว่าเด็กยุคนี้เป็นโรคอ้วน มีปัญหาสุขภาพและพัฒนาการล่าช้ากันมาก  

ปฏิวัติใหม่ อย่าปล่อยให้ลูกจมอยู่กับทีวี เล่นเกม แต่ควรพาไปออกกำลังกายแบบไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าฟิตเนสเหมือนผู้ใหญ่ ถ้าอยู่ในวัย 2-6 ขวบชวนวิ่งไล่จับ กระโดดเชือก เตะบอล ปีนป่ายของเล่น วัย 7-10 ขวบให้ขี่จักรยาน ตีปิงปอง ว่ายน้ำ ถ้าอายุ 10 ขวบขึ้นไปชวนเต้นแอโรบิก ฮูลาฮูป หรือเล่นกีฬาอะไรก็ได้ที่ลูกชอบ 

8 การเข้าสังคม…ไม่ใช่แค่มีเพื่อนมาก

เพราะ… งานวิจัยกล่าวว่าเด็กที่มีเพื่อนก่อนหรือตั้งแต่เตรียมอนุบาล จะสามารถปรับตัวได้ดีกว่าเด็กคนอื่นเมื่อเริ่มเข้าโรงเรียน การมีเพื่อนจะช่วยให้ลูกเรียนรู้ทักษะสังคมที่เป็นประโยชน์ เช่น การทำงานเป็นกลุ่ม การเข้าหาผู้อื่น การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การจัดการปัญหาร่วมกัน 

ปฏิวัติใหม่ ลูกวัย 3-6 ปี ต้องการเรียนรู้สังคมจากคนรอบข้าง ดังนั้นฝึกให้ลูกผูกมิตร และคุ้นเคยที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น แนะนำให้ลูกรู้จักคนอื่น หัดให้สวัสดี โบกมือบ๊ายบาย แบ่งขนม ของเล่นให้เพื่อน การคบเพื่อนไม่จำเป็นต้องมีมากมายก็ได้ เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนก็ช่วยให้ลูกอยู่ในสังคมโรงเรียนได้อย่างมีความสุขแล้ว 

9 ร่วมมือลดโลกร้อน…ไม่ใช่แค่ฟังอย่างเดียว

เพราะ..โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นเนื่องจากก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นจนเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น ทั้งน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภัยแล้ง หรือเกิดโรคระบาดมากขึ้น สร้างความเสียหายในที่อยู่อาศัย ชีวิตผู้คน สัตว์ พืช ดังนั้นการสอนให้เด็กยุคใหม่หันมาช่วยกันลดภาวะโลกร้อนร่วมกับคนทั่วโลก จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ปฏิวัติใหม่ พาลูกไปร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ ปลูกป่าชายเลน หรือยิงลูกยางปลูกป่าบนเขาสูง หรือสอนลูกให้รู้จักใช้น้ำใช้ไฟอย่างประหยัด ทำกิจกรรมใช้สิ่งของซ้ำเพื่อประหยัด เช่น ใช้บัวรดน้ำต้นไม้ที่ทำจากขวดพลาสติกหรือกระป๋องเหลือใช้ ประดิษฐ์หุ่นหรือของเล่นจากกล่องนม กล่องสบู่ ทำโมบายจากขวดพลาสติก 

10 ทำงานออมเงิน…ไม่ใช่แค่เก็บเงิน

เพราะ…จะเห็นได้ว่ามีคนมากมายในยุคนี้เป็นหนี้กันมาก เนื่องจากการใช้เงินที่เกินตัว และขาดการออมเพื่ออนาคต การออมเงินและการบริหารเงินออม รวมทั้งการทำงานแลกเงิน ถือเป็นทักษะที่ควรถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ เพราะจะช่วยให้มีวินัยการใช้เงินและไม่เป็นหนี้เป็นสินใครเมื่อตอนโต

ปฏิวัติใหม่ ถ้าลูกต้องการเงินเพิ่มควรสอนให้ทำงานเพิ่ม เพราะการขอเงินไม่ใช่ว่าจะได้เงินทุกครั้ง หากลูกยังไม่โตมากก็ให้ช่วยงานบ้านที่นอกเหนือจากงานที่พ่อแม่ให้รับผิดชอบ ซึ่งการให้ลูกได้มีส่วนร่วมในงานบ้าน และต้องใช้แรงงานให้ได้เงินเพิ่มจะช่วยให้ลูกเห็นคุณค่าของเงิน รับรู้ความลำบากของพ่อแม่ในการทำงานด้วยค่ะ

 

ฐิติพันธุ์ชมสว่างเป็นผู้ฝึกสอน CrossFit อายุ 40 ปีจากประเทศจีนฮ่องกง เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อ 15 ปีก่อน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ศูนย์ออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ผู้อื่นมีสุขภาพดีและมีรูปร่าง เธอแต่งงานแล้วและมีลูกชายคนแรกและใช้เวลาว่างของเธอในการฝึกซ้อมมาราธอน
ฐิติพรรณ จอมสว่าง